วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Life Event

           สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้นนร. มีสื่อการสอนดีๆ มาฝากกก หุหุ สื่ออันนี้นนร.และผองเพื่อน (กลุ่มเดิมที่ไปสำรวจโรงเรียน) ได้ช่วยกันทำขึ้นมาเองค่ะ ซึ่งสื่อที่ว่านี่ก็คือ ตะเรง เรง เตรง เตร่ง เตร๊งงงง!!!


LIFE EVENT 
"แรงบันดาลใจจากสมุดภาพ สร้างสีสันในแต่ละช่วงชีวิต"

           เหตุผลที่พวกเราเลือกทำสื่อหรือสมุดภาพเล่มนี้ ก็เพราะปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสื่อการสอนในเรื่องของภาษาอังกฤษนั้นสวยงาม และหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ หรือคำศัพท์เรื่องของใช้ภายในบ้าน  แต่สื่อในเรื่องคำศัพท์หมวดที่พวกเราไม่ค่อยได้เห็นกันหรือแทบจะไม่มีเลยก็คือเรื่อง Life Event หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นกับคนทุกคน เป็นเรื่องและคำศัพท์พื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ และกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ของพวกเรานั้นก็สามารถใช้กันได้หลายหลายชั้นตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมหาลัยหรือแม้กระทั่งผู้สนใจทั่วไปก็ยังสามารถใช้สื่อนี้ได้อีกด้วย!



 
           ความรู้สึกภายหลังจากที่ได้ทำสื่อนี้สำเร็จ แน่นอนเลยสิ่งที่มาเป็นอันดับแรกก็คือ ความภูมิใจ ที่ชิ้นงานสำเร็จ  และสามารถนำไปใช้ได้จริง  มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่ได้รับรู้ว่าสื่อที่พวกเราได้จัดทำขึ้นนั้นอาจารย์รัฐพล ประดับเวทย์ (ผู้ให้คำแนะนำในเรื่องการทำสื่อแก่พวกเรา) จะนำสื่อการสอนของพวกเราไปให้นักเรียนได้ใช้กันจริงๆ  พวกเราคิดค้นกันอย่างหนักว่าจะทำเรื่องอะไรที่จะเป็นที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และดึงดูดผู้ใช้ให้มาใช้สื่อของพวกเรา  สุดท้ายพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสื่อการสอนสมุดภาพ Life Event ของพวกเราจะเป็นสื่อที่มีประโยชน์ต่อทุกคนที่ได้ใช้  โดยเฉพาะกับน้องๆ นักเรียนที่แสนน่ารักผู้ที่ต้องการค้นหาสีสันในช่วงชีวิต!



หน้าตาของสมุดภาพของพวกเราค่ะ!



ปล 1. ไม่ต้องสงสัยกันนะคะ ว่าทำไมไม่มีนนร.ในภาพ (อีกแล้ว) นนร.เป็นตากล้องเหมือนเดิมค่า :D
ปล 2. ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมบล็อกและบทความต่างๆ ของนนร.นะคะ แล้วพบกันใหม่เมื่อมีโอกาสค่า บ๊ายบายยย <3

จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสอนในห้องเรียน?

สวัสดีค่ะ ก้าวเข้าสู้บทความที่ 4 แล้วนะคะ สำหรับบล็อกของนนร.วันนี้นนร.มีหัวข้อที่น่าสนใจเป็นอย่างมากมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกันค่ะ ซึ่งหัวข้อในวันนี้ก็คื้ออออ แท่น แทน แท้นนนนนน!!!

จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสอนในห้องเรียน?

           นนร.เชื่อว่าในสมัยที่ทุกท่านยังเป็นเด็กๆ กัน การเรียนที่โรงเรียนส่วนมากก็จะเรียนกันแค่ที่ในห้องเรียนใช่มั้ยหล่ะคะ มีวิชาไม่มากนักหรอกที่เราจะไปเรียนกันที่นอกห้องเรียน ซึ่งวิชาเหล่านั้นก็จะเป็นพวกวิชาเกษตร ที่ต้องหาพื้นที่ในการปลูกพืชผัก หรือ วิชาพลศึกษา ที่จำเป็นต้องมีพื้นที่ในการเล่นกีฬา แล้วพวกวิชาอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เช่นวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษหล่ะ ทุกท่านเคยสงสัยกันมั้ยคะว่า "ทำไมวิชาที่ท่านเรียนถึงไม่มีโอกาสได้ไปเรียนกันนอกสถานที่บ้างน้า เรียนแต่ในห้องเรียนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว"


          นนร.คิดว่าการเรียนการสอนนอกสถานที่หรือนอกห้องเรียนนั้นเป็นเรื่องสำคัญต่อการเรียน เพราะนอกจากที่นักเรียนจะได้ผ่อนคลายความเครียดที่มีในห้องเรียนแล้ว นักเรียนยังได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราผ่านสายตาที่ได้เห็นของจริง และยังสามารถเกิดการเรียนรู้แบบบูรณาการไปกับวิชาอื่นๆ ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในวิชาภาษาอังกฤษ หากวันนี้เราเรียนเรื่องชนิดของต้นไม้ และครูก็สอนที่ในห้องเรียนโดยนำแค่รูปต้นไม้มาให้ดูเท่านั้น นักเรียนก็คงไม่สามารถแยกแยะแบบเห็นได้ชัดเจนว่าต้นไม้ที่ครูให้ดูนั้นมันแตกต่างกันอย่างไร มีลักษณะเป็นแบบไหน  แต่หากครูพานักเรียนไปศึกษาเรื่องนี้กันที่แปลงเกษตร นักเรียนก็จะได้สัมผัสของจริง และยังได้เรียนรู้แบบบูรณาการวิชาภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กับวิชาเกษตรอีกด้วย หรือในวิชาคณิตศาสตร์ของชั้นเรียนอนุบาล สมมุติว่าวันนี้ครูสอนเรื่องการบวก ลบ ซึ่งหากครูสอนแค่ในห้องให้นักเรียนเห็นแค่ตัวเลขแค่เครื่องหมาย นักเรียนบางคนที่มีพัฒนาการทางสมองช้าอาจจะไม่เข้าใจและตามเพื่อนไม่ทัน  แต่ถ้าครูใช้วิธีการสอนโดยการพานักเรียนออกไปเรียนนอกห้อง  และให้นักเรียนไปช่วยกันเก็บก้อนหินเล็กๆ มากันคนละ 2-3 ก้อน หรือหากไม่มีก้อนหินก็สามารถใช้ใบไม้หรืออะไรก็ได้ที่สามารถแทนตัวเลขได้ เสร็จแล้วครูก็ให้นักเรียนจับกลุ่มและนำของที่เก็บมาๆ รวมกัน จากนั้นครูตั้งโจทย์ให้นักเรียนลองฝึกบวกลบโดยใช้ก้อนหินหรือสิ่งของที่นักเรียนเก็บมาแทนตัวเลข ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เด็กเข้าใจวิธีการบวกและลบเพิ่มมากขึ้น เพราะเด็กสามารถเห็นภาพ เรียนรู้ และสัมผัสได้จากของจริงนั่นเอง


            วิธีการไปทัศนศึกษาก็เป็นวิธีหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับการเรียนรู้นอกห้องเรียน เพราะการได้เห็นและสัมผัสกับของจริง ย่อมดีกว่าดูในรูปภาพอยู่แล้ว!


          เพราะฉะนั้นการสอนแค่ในห้องเรียนก็ไม่ได้จำเป็นอีกต่อไป ครูควรพานักเรียนออกมาเปิดหูเปิดตานอกห้องเรียนบ้าง เพราะใครที่อยู่แต่ที่เดิมๆ ทุกวันๆ มันก็เกิดอาการเบื่อได้ง่าย ทำให้ไม่อยากและไม่มีความกระตืนรือร้นจะทำอะไรเลย จริงมั้ยคะท่านผู้อ่าน :P



ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก


เยี่ยมเยียนโรงเรียนแม่พระฟาติมา

Aloha! สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บล็อกของนรร.นะคะ ^^

วันนี้นรร.และผองเพื่อนจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมโรงเรียนแม่พระฟาติมาค่ะ เย้! แต่ก่อนที่จะไปชมบรรยากาศภายในโรงเรียน เรามารู้จักประวัติของโรงเรียนนี้กันก่อนนะคะ

โรงเรียนแม่พระฟาติมา


        โรงเรียนแม่พระฟาติมา ตั้งอยู่เลขที่ 5921/1 ถนนอโศก - ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 0-2245-0580, 0-2247-9180, 0-2248-2232 โทรสาร 0-26429902
        จัดตั้งขึ้นด้วยความคิดเห็นและการสนับสนุนของ คุณพ่อ ย.บ.อาแมสตอย อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา ผู้ก่อตั้งโรงเรียน และท่านได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2505 โดยท่านมอบให้ คุณพ่อเสวียง ศุระศรางค์ ลงนามเป็นเจ้าของ ตั้งชื่อโรงเรียนว่า “แม่พระฟาติมา” ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดตั้งไว้เมื่อ วันที่ 29 มีนาคม 2500 โดยมี นายสิริ ชุณหสุวรรณ เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ เริ่มเปิดสอนชั้นประถมปีที่ 1 – 4 ใช้หลักสูตรเทียบวิชาเลือก คือ ภาษาอังกฤษ โรงเรียนตั้งอยู่ในที่ดินของวัดแม่พระฟาติมา และอาคารของวัดใช้เป็นห้องเรียน โดยอนุมัติของท่านเจ้าอาวาส คือ บาทหลวง ย.บ.อาแมสตอย ในระยะแรกที่ก่อตั้งมีเพียงอาคารเรือนไม้ 2 ชั้น 9 ห้องเรียน รับนักเรียนได้จำนวน 340 คน ใช้อักษรย่อชื่อโรงเรียนว่า “ม.พ.ฟ.”

ปรัชญา: พัฒนาความเป็นมนุษย์ที่ครบครัน  ตามหลักธรรมคริสตศาสนา
คำขวัญ: รักการเรียน รู้จักเล่น เด่นคุณธรรม
อัตลักษณ์: จิตอาสา เมตตา รักและรับใช้

แหล่งที่มา: http://www.fatima.ac.th/

Fatima School Tour by Nannuuriiez and Friends*


           โรงเรียนแม่พระฟาติมาเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม บรรยากาศภายนอกโรงเรียนร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ เมื่อมองเข้าไปจากทางหน้าประตู จะเห็นตึกแต่ละตึกล้อมรอบสนามเป็นรูปตัวยู ในการเยี่ยมชมโรงเรียนครั้งนี้ คุณครูที่นี่ทุกคนล้วนให้ความร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างดี คอยให้คำแนะนำแก่พวกเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอน การใช้สื่อ และวิธีการควบคุมชั้นเรียน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับพวกเราที่จะนำไปปฏิบัติในอนาคตต่อไป พวกเราขอขอบพระคุณคุณครุทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ค่ะ 

มาสำรวจบรรยากาศของห้องต่างๆ ที่ใช้สื่อสารสนเทศในการเรียนการสอนของโรงเรียนกันเถอะ!

          
           คุณครูที่พาพวกเรามาสำรวจโรงเรียนในวันนี้คือคุณครูญาดา  ชูชื่น พวกเราขอขอบพระคุณท่านมากที่ได้สละเวลาพาพวกเราเยี่ยมชมโรงเรียนในครั้งนี้

ห้องแรก...ห้องคอมพิวเตอร์


           คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนนี้มีจำนวนที่พอเหมาะกับจำนวนนักเรียนในการใช้ในแต่ละคาบ ในขณะที่มีการเรียนการสอน นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองคนละเครื่อง ซึ่งง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่นเฉยๆ หรือไปแย่งกับใคร


           นอกจากที่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนแล้ว ยังมีแท็บเล็ตจากรัฐบาลอีกด้วย! ซึ่งแท็บเล็ตเหล่านี้คุณครูจะตรวจสอบลงโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนส่งถึงมือนักเรียน



พวกเราขอขอบพระคุณคุณครูสมภพ สุเมธมากค่ะ ที่พาเราเยี่ยมชมห้องคอมพิวเตอร์ในวันนี้

ห้องต่อไป...ห้องเรียนเอนกประสงค์


           ห้องนี้เป็นห้องเรียนเอนกประสงค์ ห้องนี้ก็ใช้ตามชื่อของมันเลยค่ะ "เอนกประสงค์" คือ สามารถใช้เป็นทั้งห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ห้องประชุม หรือทำ work shop ต่างๆ ที่บุคคลภายนอกมาอบรมสอนความรู้ให้แก่นักเรียน เช่น การอบรมทำอาหาร เป็นต้น
           อุปกรณ์สื่อเทคโนโลยีที่ใช้ในห้องนี้ก็จะมี จอภาพ โปรเจคเตอร์ ลำโพง และไมโครโฟน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ และใช้ในการทำกิจกรรมภายในห้องเรียนแห่งนี้ค่ะ



ห้องที่สาม...ห้อง UK

           ห้อง UK เป็นห้องสำหรับเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ซึ่งนักเรียนจะเรียนผ่านสื่อต่างๆ ที่ครูผู้สอนนำมา เช่น ดูหนัง หรือ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมทักษาะทางด้านการฟังให้แก่นักเรียน


           อุปกรณ์ต่างๆ ในห้อง UK ก็จะมี จอ โปรเจคเตอร์ กระดานไวท์บอร์ด ลำโพง และไมโครโฟน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอนทั้งสิ้น

ห้องสุดท้าย...ห้องสมุด

           
           ห้องสมุดของโรงเรียนแม่พระฟาติมานี้ เป็นห้องสมุดนี่น่าเข้ามาใช้เป็นอยากมาก ห้องสมุดสวยและมีบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การอ่านหนังสือ หนอนหนังสือตัวแม่อย่างนนร.ยังอยากมานอนเกลือกกลิ้งไปมาอ่านหนังสือที่ห้องนี้ทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ คงจะฟินน่าดู 5555555


           นอกจากห้องสมุดจะมีหนังสือน่าอ่านหลากหลายเล่มแล้ว ที่นี่ยังมีคอมพิวเตอร์มาไว้บริการนักเรียนเพื่อค้นหาข้อมูลและความรู้ต่างๆ อีกด้วยค่ะ






           มีสื่อสาระสนเทศพร้อมบริการให้เด็กๆ ที่น่ารักด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารคดีหรือการ์ตูนความรู้ต่างๆ  ที่นี่ก็มีครบครัน

          หลังจากที่พวกเราดูครบทุกห้องแล้ว ก็ถึงเวลาลากลับ ซึ่งในวันนี้พวกเราก็ได้ความรู้ดีๆ มากมายจากคุณครูหลายท่านที่สามารถนำไปปรับใช้กับวิธีการสอนของพวกเราให้ดีและมีประสิทธิภาพในอนาคตข้างหน้าที่จะถึงนี้
           การสำรวจและเยี่ยมเยียนโรงเรียนของพวกเราจะไม่สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ได้เลย หากปราศจากคุณครูที่แสนใจดีทุกคน พวกเราขอขอบพระคุณคุณครูทุกคนมากค่ะ


ปล 1. ท่านผู้อ่านคงแปลกใจกันว่าทำไมการเยี่ยมชมโรงเรียนครั้งนี้ถึงไม่มีรูปของจขบ.เลย จขบ.จะ     บอกว่าจขบ.ไปนะคะ แต่ที่ไม่มีรูปก็เพราะจขบ.เป็นตากล้องค่ะ เป็นผู้ที่คอยชักภาพบรรยากาศดีๆ มาให้ทุกท่านได้ชมกันค่ะ อิอิ

ปล 2. จขบ.ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาเยี่ยมชมบล็อกของจขบ. นะคะ ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้า "จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสอนในห้องเรียน?" นะคะ ขอบคุณมากค่า >3<





วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์

การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์

คืออะไร?
ทำไมถึงต้องมี?
อยากรู้กันมั้ยคะ? ถ้าอยากก็มาเริ่มกันเล้ย!

การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ คือ การกระทำการที่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายและเป็นการกระทำผ่านหรือโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ในการกระทำความผิด ซึ่งมีวัตถุประสงค์มุ่งต่อระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ หรือบุคคล

ทำไมถึงต้องมี?
           เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

มาดูตัวอย่างกรณีศึกษาในเรื่องการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์กันค่ะ!
           วันนี้จขบ.จะยกตัวอย่างกรณีศึกษาในเรื่องการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ที่สุดแสนจะโด่งดังของบ้านเราให้ทุกท่านได้ดูกันค่ะ และจะเป็นเรื่องของใครไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่องที่ twitter ของนายกปูคนสวยโดน HACK!!!!!!!

"ป่วน! มือมืดแฮกทวิตเตอร์ยิ่งลักษณ์ โพสต์ข้อความด่า" 



ซึ่งกรณีนี้ผู้ที่เป็นแฮคเกอร์ จะโดนโทษดังต่อไปนี้....


โดยการแฮคทวิตเตอร์นั้น มีความผิดตามมาตรา 5 7 9 และ 14 ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 

           มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องการเข้าถึงโดย เฉพาะและมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิด 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

           มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะและมาตราการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

           มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท 

           มาตรา 14 ผู้ใดว่าด้วยการขโมยเข้าไปใช้ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นปลอม ซึ่งมี 5 มาตรา จำคุกสูงสุด 2 ปี ปรับ 40,000 บาท


           จะเห็นได้ว่าการที่เราไป Hack ข้อมูลต่างๆ ของบุคคลอื่นนั้น นอกจากที่จะทำให้ตัวบุลคนที่เป็นเจ้าของเดือดร้อนแล้ว ยังมีโทษทางกฎหมายอีกด้วย  ดังนั้นผู้ที่คิดจะกระทำผิด ต้องคิดตรึกตรองให้ดีๆ และถ้วนถี่ว่า "มันคุ้มกันมั้ยกับผลที่จะได้รับ" จริงอยู่ที่ว่าเราอาจจะรู้สึกสะใจและแอบภูมิใจอยู่ลึกๆ ที่กระทำสำเร็จ หรือแม้แต่ดีใจที่ตัวเองนั้นดังเพียงชั่วข้ามคืน  แต่ก่อนที่จะทำควรย้อนไปมองว่า หากเราได้ทำลงไป จะมีใครได้รับผลกระทบอันนี้บ้าง เจ้าของทวิตเตอร์เค้าเดือดร้อนในเรื่องที่ตนไม่ได้กระทำ พ่อแม่ผู้ปกครองเสียใจกับการกระทำของลูกจนไม่กล้าสู้หน้าผู้อื่น หรือแม้แต่การที่เราโดนตำรวจจับ ซึ่งถ้าคนทำไม่สามารถหาเงินได้เอง พ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องเป็นคนเสียเงินให้ทั้งหมด  เพราะฉะนั้นจขบ. ก็อยากที่จะฝากไปถึงทุกคนที่คิดจะทำนะคะ ว่าคนที่เดือดร้อนในเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียว

หลังจากที่อ่านจขบ. เชื่อว่าทุกท่านเริ่มตื่นตัวอยากจะป้องกันการโดนแฮคกันแล้วใช่มั้ยคะ งั้นเราไปดูวิธีป้องกันการโดนแฮคกันเล้ยยย!!!!!

นี่เป็นตัวอย่างวิธีป้องกันการโดน Hack Password ของ Social Network ค่ะ

5 วิธีที่แฮคเกอร์ใช้สำหรับการ hack password และวิธีป้องกัน

ขอขอบคุณ http://www.it-computertips.com มากนะคะ ที่นำเสนอวิธีดีๆ สามารถทำเองได้ง่ายๆ ให้พวกเราได้ศึกษากัน

แหล่งที่มา (ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง)
http://th.wikibooks.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
http://www.thaiall.com/article/law.htm
http://hilight.kapook.com/view/63307
http://www.it-computertips.com/5-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-hack-password-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99/