วันนี้นรร.และผองเพื่อนจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมโรงเรียนแม่พระฟาติมาค่ะ เย้! แต่ก่อนที่จะไปชมบรรยากาศภายในโรงเรียน เรามารู้จักประวัติของโรงเรียนนี้กันก่อนนะคะ
โรงเรียนแม่พระฟาติมา
จัดตั้งขึ้นด้วยความคิดเห็นและการสนับสนุนของ คุณพ่อ ย.บ.อาแมสตอย อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่พระฟาติมา ผู้ก่อตั้งโรงเรียน และท่านได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2505 โดยท่านมอบให้ คุณพ่อเสวียง ศุระศรางค์ ลงนามเป็นเจ้าของ ตั้งชื่อโรงเรียนว่า “แม่พระฟาติมา” ได้รับอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดตั้งไว้เมื่อ วันที่ 29 มีนาคม 2500 โดยมี นายสิริ ชุณหสุวรรณ เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ เริ่มเปิดสอนชั้นประถมปีที่ 1 – 4 ใช้หลักสูตรเทียบวิชาเลือก คือ ภาษาอังกฤษ โรงเรียนตั้งอยู่ในที่ดินของวัดแม่พระฟาติมา และอาคารของวัดใช้เป็นห้องเรียน โดยอนุมัติของท่านเจ้าอาวาส คือ บาทหลวง ย.บ.อาแมสตอย ในระยะแรกที่ก่อตั้งมีเพียงอาคารเรือนไม้ 2 ชั้น 9 ห้องเรียน รับนักเรียนได้จำนวน 340 คน ใช้อักษรย่อชื่อโรงเรียนว่า “ม.พ.ฟ.”
ปรัชญา: พัฒนาความเป็นมนุษย์ที่ครบครัน ตามหลักธรรมคริสตศาสนา
คำขวัญ: รักการเรียน รู้จักเล่น เด่นคุณธรรม
อัตลักษณ์: จิตอาสา เมตตา รักและรับใช้
แหล่งที่มา: http://www.fatima.ac.th/
Fatima School Tour by Nannuuriiez and Friends*
โรงเรียนแม่พระฟาติมาเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม บรรยากาศภายนอกโรงเรียนร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ เมื่อมองเข้าไปจากทางหน้าประตู จะเห็นตึกแต่ละตึกล้อมรอบสนามเป็นรูปตัวยู ในการเยี่ยมชมโรงเรียนครั้งนี้ คุณครูที่นี่ทุกคนล้วนให้ความร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างดี คอยให้คำแนะนำแก่พวกเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอน การใช้สื่อ และวิธีการควบคุมชั้นเรียน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับพวกเราที่จะนำไปปฏิบัติในอนาคตต่อไป พวกเราขอขอบพระคุณคุณครุทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ค่ะ
มาสำรวจบรรยากาศของห้องต่างๆ ที่ใช้สื่อสารสนเทศในการเรียนการสอนของโรงเรียนกันเถอะ!
คุณครูที่พาพวกเรามาสำรวจโรงเรียนในวันนี้คือคุณครูญาดา ชูชื่น พวกเราขอขอบพระคุณท่านมากที่ได้สละเวลาพาพวกเราเยี่ยมชมโรงเรียนในครั้งนี้
ห้องแรก...ห้องคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนนี้มีจำนวนที่พอเหมาะกับจำนวนนักเรียนในการใช้ในแต่ละคาบ ในขณะที่มีการเรียนการสอน นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองคนละเครื่อง ซึ่งง่ายต่อการเรียนรู้และใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่นเฉยๆ หรือไปแย่งกับใคร
นอกจากที่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนแล้ว ยังมีแท็บเล็ตจากรัฐบาลอีกด้วย! ซึ่งแท็บเล็ตเหล่านี้คุณครูจะตรวจสอบลงโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนส่งถึงมือนักเรียน
พวกเราขอขอบพระคุณคุณครูสมภพ สุเมธมากค่ะ ที่พาเราเยี่ยมชมห้องคอมพิวเตอร์ในวันนี้
ห้องต่อไป...ห้องเรียนเอนกประสงค์
อุปกรณ์สื่อเทคโนโลยีที่ใช้ในห้องนี้ก็จะมี จอภาพ โปรเจคเตอร์ ลำโพง และไมโครโฟน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ก็เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ และใช้ในการทำกิจกรรมภายในห้องเรียนแห่งนี้ค่ะ
ห้องที่สาม...ห้อง UK
ห้อง UK เป็นห้องสำหรับเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ซึ่งนักเรียนจะเรียนผ่านสื่อต่างๆ ที่ครูผู้สอนนำมา เช่น ดูหนัง หรือ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมทักษาะทางด้านการฟังให้แก่นักเรียน
อุปกรณ์ต่างๆ ในห้อง UK ก็จะมี จอ โปรเจคเตอร์ กระดานไวท์บอร์ด ลำโพง และไมโครโฟน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนแต่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอนทั้งสิ้น
ห้องสุดท้าย...ห้องสมุด
ห้องสมุดของโรงเรียนแม่พระฟาติมานี้ เป็นห้องสมุดนี่น่าเข้ามาใช้เป็นอยากมาก ห้องสมุดสวยและมีบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การอ่านหนังสือ หนอนหนังสือตัวแม่อย่างนนร.ยังอยากมานอนเกลือกกลิ้งไปมาอ่านหนังสือที่ห้องนี้ทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ คงจะฟินน่าดู 5555555
นอกจากห้องสมุดจะมีหนังสือน่าอ่านหลากหลายเล่มแล้ว ที่นี่ยังมีคอมพิวเตอร์มาไว้บริการนักเรียนเพื่อค้นหาข้อมูลและความรู้ต่างๆ อีกด้วยค่ะ
มีสื่อสาระสนเทศพร้อมบริการให้เด็กๆ ที่น่ารักด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารคดีหรือการ์ตูนความรู้ต่างๆ ที่นี่ก็มีครบครัน
หลังจากที่พวกเราดูครบทุกห้องแล้ว ก็ถึงเวลาลากลับ ซึ่งในวันนี้พวกเราก็ได้ความรู้ดีๆ มากมายจากคุณครูหลายท่านที่สามารถนำไปปรับใช้กับวิธีการสอนของพวกเราให้ดีและมีประสิทธิภาพในอนาคตข้างหน้าที่จะถึงนี้
การสำรวจและเยี่ยมเยียนโรงเรียนของพวกเราจะไม่สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ได้เลย หากปราศจากคุณครูที่แสนใจดีทุกคน พวกเราขอขอบพระคุณคุณครูทุกคนมากค่ะ
ปล 1. ท่านผู้อ่านคงแปลกใจกันว่าทำไมการเยี่ยมชมโรงเรียนครั้งนี้ถึงไม่มีรูปของจขบ.เลย จขบ.จะ บอกว่าจขบ.ไปนะคะ แต่ที่ไม่มีรูปก็เพราะจขบ.เป็นตากล้องค่ะ เป็นผู้ที่คอยชักภาพบรรยากาศดีๆ มาให้ทุกท่านได้ชมกันค่ะ อิอิ
ปล 2. จขบ.ขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาเยี่ยมชมบล็อกของจขบ. นะคะ ไว้เจอกันใหม่บล็อกหน้า "จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสอนในห้องเรียน?" นะคะ ขอบคุณมากค่า >3<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น